1. ครีมกันแดดมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้อย่างไร ในครีมกันแดดจะมีส่วนผสมของสารที่สามารถปกป้องผิวรังสี UVA และ UVB ซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยตรง โดยเฉพาะรังสี UVA มีผลทำให้เกิด กระ ฝ้า ผิวแก่ก่อนวัย ส่วนรังสี UVB มีผลทำให้เกิดผิวแดง แสบ ไหม้ ของผิวหนัง และรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอย ดังนั้นครีมกันแดดจึงมีความสำคัญในการปกป้องผิวจากรังสียูวี ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ 2. ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดดแล้ว จำเป็นต้องทาครีมกันแดดอีกหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะใช้ครีมบำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมสารกันแดดอยู่แล้ว ก็ควรใช้ครีมกันแดดอยู่ดี เนื่องจากสารกันแดดที่ผสมในเครื่องสำอางอาจไม่สามารถกันได้ทั้งรังสี UVA, UVB และอาจมีค่า SPF ที่ไม่สามารถกันแดดได้อย่างเต็มที่ เพราะในแสงแดดนั้นมีทั้งรังสี UVA, UVB ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความหมองคล้ำและริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้นการใช้ครีมกันแดดทุกวันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง 3. อายุเท่าไหร่จึงจะต้องเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันการเกิดริ้วรอย ผิวแต่ละช่วงวัยจะต้องการการบำรุงที่แตกต่างกันออกไป เช่น อายุ 15 - 18 ปีควรเน้นการบำรุงเพื่อความชุ่มชื้น อายุ 19 - 25 ปี ควรเน้นบำรุงเพื่อความชุ่มชื้นและกระจ่างใส อายุ 25 - 27 ปี ควรเน้นการบำรุงความชุ่มชื่น กระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ลดรูขุมขน อายุ 28 - 29 ปี ควรเน้นบำรุงความชุ่มชื้น กระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ลดรูขุมขนที่กว้างขึ้น อายุ 30 ขึ้นไป จะเริ่มมีปัญหาริ้วรอย เน้นลดเลือนริ้วรอยและผิวเรียบเนียน อย่างไรก็ตามไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัวว่าอายุเท่าไหร่จึงควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันริ้วรอย ข้อมูลข้างต้นเป็นแค่การประมาณการณ์ แต่ควรดูแลผิวหน้าให้ดีที่สุด เน้นการป้องกัน และบำรุงรักษาให้สภาพผิวดีอยู่เสมอ จะทำให้หลีกเลี่ยงริ้วรอยที่จะมาเยือนได้ดีที่สุด และหมั่นสังเกตผิวตัวเอง เมื่อเริ่มมีริ้วรอยแรกเริ่มมาเยือน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ 4. โค คิวเท็น (CoQ10) มีประโยชน์อย่างไรกับผิว ในปัจจุบันพบว่า CoQ10 มีประโยชน์อย่างมากทั้งในเรื่องของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และช่วยในการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ มากมาย ในด้านความงามนั้น CoQ10 เปรียบเสมือนแหล่งผลิตพลังงานให้กับเซลล์ผิวหนัง หากเซลล์ผิวหนังได้รับพลังงานไม่เพียงพอก็ทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติ ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร รวมทั้งมีงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลของ CoQ10 พบว่าช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ 5. ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด ควรรับประทานตามช่วงเวลาที่แนะนำบนฉลาก เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับดักจับแป้งต้องรับประทานก่อนอาหาร 30 - 45 นาทีเพื่อให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารละลายและถูกดูดซึมเข้าระบบทางเดินอาหารก่อนที่จะรับประทานอาหาร ผลิตภัณฑ์จำพวกคอลลาเจนควรรับประทานก่อนอาหารหรือพร้อมอาหารเพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีที่สุด หากรับประทานหลังอาหารสมองอาจสั่งการให้ไม่ดูดซึมคอลลาเจนเนื่องจากเราได้รับโปรตีนพอแล้ว ควรรับประทานผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายให้เพียงพอจะทำให้ร่างกายสามารถนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทานเข้าไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น 6. วิตามินซีมีส่วนช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณในเรื่องใดบ้าง วิตามินซีมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ผิวหนัง และยังช่วยลดการทำงานของเอนไซม์ที่ผลิตเม็ดสีผิว ไม่ว่าจะสกัดอยู่ในรูปแบบของอาหารเสริมหรือเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงต่างๆ ล้วนแต่มีประโยชน์กับผิวพรรณทั้งสิ้น ดังนั้นวิตามินซีจึงช่วยในการลดริ้วรอยก่อนวัย จุดด่างดำ รอยสิวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ช่วยปรับสีผิวที่คล้ำจากแสงแดดให้ดูกระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในระบบภูมิคุ้มกันของร่ายกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 7. ทำไมต้องทานวิตามินซีคู่กับคอลลาเจน วิตามินซีนั้นนอกจากจะมีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังมีอีกหนึ่งคุณสมบัติคือช่วยให้การดูดซึมคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากทานแค่คอลลาเจนเพียงอย่างเดียว ร่างกายจะสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้เพียง 50 – 70% เท่านั้น แต่ถ้าทานคอลลาเจนควบคู่กับวิตามินซีแล้วจะทำให้ร่างกายเราสามารถดูดซึมคอลลาเจนไปใช้ได้เกือบ 100% เลยทีเดียว 8. วิตามินซีจากอะเซโรล่า เชอร์รี่ (Acerola Cherry) ดีกว่าวิตามินซีทั่วไปอย่างไร วิตามินซีจากอะเซโรล่า เชอร์รี่ ถือเป็นวิตามินซีที่ได้จากธรรมชาติ ข้อดีของวิตามินซีจากธรรมชาติคือ ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร ไม่ตกค้าง ไม่เป็นอันตรายต่อไตและสารเคลือบฟัน รวมทั้งมีส่วนประกอบของไบโอฟลาโวนอยด์ทำให้วิตามินซีแตกตัว และร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินซีไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ โดยวิตามินซีจากแหล่งธรรมชาติที่ดีที่สุด คือ วิตามินซีที่สกัดจากผลของอะเซโรล่า เชอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ขจัดโมเลกุลที่ถูกทำลาย มีส่วนช่วยป้องกันการเสื่อมตัวของเซลล์ ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นสำหรับเนื้อเยื้อผิวหนังและข้อต่อกระดูก รวมทั้งบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียน สดใสเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ 9. คอลลาเจนมีมากมายในท้องตลาด มีวิธีการเลือกรับประทานอย่างไร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด มีการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นเรื่องพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องให้ความใส่ใจ ผลิตภัณฑ์ที่จะเข้าสู่ร่างกายควรได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อย. ผลิตจากแหล่งที่มีมาตรฐานน่าเชื่อถือ ผลิตจากวัตถุดิบที่สามารถดูดซึมได้ง่าย ซึ่งคอลลาเจนชนิดที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายที่สุดคือ คอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเล ที่สำคัญควรเลือกคอลลาเจนแบบที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก เพราะร่างกายสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ส่วนประกอบอื่นๆ ในผลิตภัณฑ์ที่ใส่เพิ่ม ช่วยการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย และให้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น อย่างเช่น วิตามินซี เป็นต้น 10. ไฮยาลูรอนิค แอซิด เป็นสารที่พบในครีมบำรุงผิวบ่อยมาก จริงๆ แล้วสารชนิดนี้มีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร ไฮยาลูรอนิค แอซิด เป็นสารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย และร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง โดยทั่วไปมักพบที่จุดเชื่อมต่อ เช่น ข้อต่อ ข้อเข่า เนื้อเยื่อ เซลล์ผิวหนัง โดยมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสี และเพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้นให้แก่เซลล์ผิวหนัง เพราะไฮยาลูรอนิค แอซิดมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดีมาก อย่างไรก็ตามเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็จะผลิตไฮยาลูรอนิค แอซิด ได้น้อยลงเช่นกันในแง่ของประโยชน์ต่อผิวนั้น ไฮยาลูรอนิค แอซิด จะช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิว ผิวจะมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น เรียบตึง กระชับขึ้น 11. เลือกใช้แชมพูแบบไหนให้เหมาะกับเส้นผม ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อแชมพูยี่ห้อใดก็ตาม ควรจะต้องทราบเสียก่อนว่า แชมพู ที่เราเรียกกันจนติดปากนั้นคืออะไร? และบำรุงเส้นผมเราได้อย่างไร? จุดประสงค์หลักๆ ของแชมพู คือการทำความสะอาดเส้นผมได้อย่างอ่อนโยนที่สุด เพราะเส้นผมของเราเผชิญทั้งฝุ่น ควัน มลภาวะ สิ่งสกปรกต่างๆ ทั้งหลายมาตลอดวัน โดยแชมพูที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ค่ะ อ่อนโยน ไม่ทำร้ายหนังศีรษะของเราจนเกินไป เพราะถ้าหากใช้แชมพูที่รุนแรงเกินไป จะทำให้หนังศีรษะพองตัว รูขุมขนเปิดกว้าง เป็นอันตรายต่อผิวหนัง และยังทำให้เส้นผมแตกปลายอีกด้วยค่ะ เลือกแชมพูที่มีค่า pH เป็นกลาง ไม่มีความเป็นกรดหรือด่างจนเกินไป เพราะจะได้รักษาความสมดุลของความชุ่มชื่นของเส้นผมด้วย อย่าลืมบำรุงผมด้วยคอนดิชันเนอร์ และแฮร์เซรั่ม เพื่อเป็นการเคลือบปิดเกล็ดเส้นผม หากใครอยากจะประหยัดเวลาก็สามารถใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของคอนดิชันเนอร์ได้เลยก็สะดวกไม่น้อยนะคะ 12. สามารถใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวควบคู่กับยารักษาสิวของแพทย์ได้หรือไม่ สามารถใช้ได้ค่ะ แต่หากมีอาการระคายเคืองแนะนำให้หยุดใช้และปรึกษาแพทย์จะดีที่สุดค่ะ 13. จะรู้ได้อย่างไรว่าแพ้ผลิตภัณฑ์ ลองทาครีมบริเวณท้องแขนหรือข้อพับ เพราะเป็นผิวที่ใกล้เคียงกับผิวหน้าโดยให้ทาครีมเป็นวง ทิ้งไว้ 2-3 ชม. หรือ 1 วัน แล้วสังเกตุบิเวณที่ทาครีมมีอาการแสบ คัน มีผื่นแดง หรือเป็นตุ่มนูนแดงหรือไม่ ถ้าไม่ก็แสดงว่าครีมที่นำมาทดสอบมีความปลอดภัยต่อหน้าเราในระดับหนึ่งค่ะ 14. ผลิตภัณฑ์ POSITIF ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงเห็นผล เนื่องจากผลิตภัณฑ์ POSITIF เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารอันตรายใดๆ การเห็นผลจึงขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้ใช้ค่ะ โดยพื้นฐาณระยะเวลาประมาน 2-3 สัปดาห์ ก็เผยให้เห็นผลลัพธ์ค่ะ ผิวจะปรับสภาพและคืนความสมดุล ยืดหยุ่น ชุ่มชื้น กระจ่างใส มีสุขภาพดีขึ้นจนสัมผัสได้ค่ะ 15. ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ POSITIF ได้มั้ย สามารถใช้ได้ค่ะ เพราะผลิตภัณฑ์ POSITIF ผลิตจากธรรมชาติ โดยผ่านขั้นตอนการผลิตกับสถาบันวิจัยและพัฒนาชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น เหมาะสมทุกสภาพผิว และทุกปัญหาผิวหน้าที่ต้องการดูแล ไร้สารอันตราย อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง ได้การรับรองมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น